Home to some of Thailand's most spectacular Mekong riverfront scenery, Nakhon Phanom province, although primarily a gateway to Laos and onwards to Vietnam, is also home to one of Isan's (and southern Laos') most important wats, Phra That Phanom in the southern town of That Phanom.
While the province's position on the Lao border has created a relatively high Vietnamese and Laotian population with an influence that can be seen primarily in the food, this is nevertheless still a very Thai province.
Nakhon Phanom (City of Mountains) sits alongside the Mekong River and approximately 735km from Bangkok. Primarily a farmer's market town, there are as many tractor stores as mobile phone stores (or almost anyway) and it has an overall very rural feel to it.
Few travellers find themselves here for any reason other than leaving again to visit Laos via Tha Khaek, which sits opposite Nakhon Phanom across the waters of the Mekong.
If you are planning on entering Laos at this point, we'd suggest staying at That Phanom (at Niyana Guesthouse) an hour south of town it is a far more interesting place to stay, although the riverside view is better at Nakhon Phanom.
________________________________________________________
That Phanom
Splendid scenery

The town is home to Isan's most revered temple, the same-named Wat That Phanom, a spectacular pagoda that sits a few hundred metres back off the riverbank. At 57 metres tall the glittering gold and white chedi is a particularly fine example of the Lao style of design. According to legend, the original construction was built over 1,500 years ago to house, you guessed it, an original relic of the Buddha himself -- in this case a breastbone.
Over the next millenium or so, it's collapsed on a number of occasions, including once in 1975. This collapse is of interest due to a legend floating around that should the chedi fall, so would the Lao government, and sure enough not long after the collapse the government in Laos fell. No word on what happened to the Lao government the other half dozen times the stupa "had issues".
________________________________________________________

จังหวัดนครพนม
นครพนม
เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์
ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์
รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง
พื้นที่ชายแดนด้านเหนือและตะวันออกของนครพนมติดกับแม่น้ำโขงโดยตลอด
ตั้งแต่อำเภอบ้านแพงลงมาจนถึงอำเภอธาตุพนม
สามารถเดินทางข้ามฝั่งโขงไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้หลายจุด

นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล
ในฐานะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น
มีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
และต่อมาก็ได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาสลับกันหลายครั้ง
ตำนานแห่งประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้ว่า
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชตีเมืองเวียงจันทน์ได้
ชื่อของดินแดนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น "มรุกขนคร" และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "นครพนม" เพื่อความเหมาะสมตามสภาพพื้นที่ด้วย
เป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมาย
ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน
ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น
นครพนมจึงมีโบราณสถาน และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์อยู่มาก
________________________________________________________
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร
วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง
ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม
ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6
เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า
(เนินดินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร)
ภายในบริเวณมีบึงขนาดใหญ่เรียกว่าบึงธาตุพนม ในวันเพ็ญเดือน 3 ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน
3 ของทุกปีจะมีงานประจำปีเพื่อเป็นการนมัสการพระธาตุพนม

จึงได้ก่อไฟเผาพระธาตุเป็นเวลากว่าหลายวัน อิฐจึงได้แห้งสนิทจรดกัน ในพระธาตุพนม
บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งประมาณ พ.ศ. 8
พระอุตรเถระและพระโสณเถระ สมรทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้อัญเชิญมา
และพระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้บนภูกำพร้า ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์
พระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์โดยกษัตริย์แห่งล้านช้าง
พ.ศ. 2223-2225
และเป็นรูปแบบที่นิยมในอีสาน
พ.ศ. 2233
พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) ปฏิสังขรณ์พระธาตุให้สูงขึ้น
พ.ศ. 2483
รัฐบาลได้บูรณะให้สูงขึ้น
พ.ศ. 2518
องค์พระธาตุพนมชำรุดล้มลง ทางราชการได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่ ให้คงสภาพเดิม
พ.ศ. 2522
การบูรณะโดยภาครัฐและเอกชน
เมื่อปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ
ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร" ในวันที่ 11
สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น.
ด้วยเหตุที่มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันและความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ
พระธาตุพนมจึงได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์
ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม
การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 นอกจากจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุดั่งเดิมแล้ว
ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นบรรจุและประดับไว้ในองค์พระธาตุอีกด้วย
โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น